เรตินอล (Retinol) ยังคงครองตำแหน่งฮีโร่แห่งวงการ สกินแคร์ลดริ้วรอย อย่างเหนียวแน่น ด้วยคุณสมบัติอันทรงพลังในการช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนจุดด่างดำ กระชับรูขุมขน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์ประเภท ครีมเรตินอล จะยังเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มผู้ที่ใส่ใจดูแลผิว ทั้งมือใหม่และสายสกินแคร์ตัวจริง เรตินอลคืออะไร? มันคืออนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยแห่งวัย สิว ผิวหมองคล้ำ หรือแม้กระทั่ง รอยดำจากสิว สำหรับผู้ที่มี ผิวแพ้ง่าย อาจเคยกังวลว่าเรตินอลจะรุนแรงเกินไป แต่ปัจจุบันหลายแบรนด์ได้พัฒนา สูตรอ่อนโยน ที่ตอบโจทย์แม้แต่ผิวบอบบาง แล้วในปี 2025 นี้มี เรตินอล ยี่ห้อไหนดี ที่ใช้ดีจนต้องบอกต่อ? บทความนี้บน PRICEDED.COM จะพาคุณไปสำรวจ 10 ตัวเด็ดที่ไม่ควรพลาด พร้อมแนะนำสูตรที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือสายบูสต์ผิวขั้นสุด!
เรตินอลคืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
เรตินอล (Retinol) คืออนุพันธ์ของวิตามินเอ ที่จัดอยู่ในกลุ่ม เรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งเป็นสารทรงพลังที่นิยมใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ทั้งในรูปแบบครีม เซรั่ม หรือเจล จุดเด่นของเรตินอลคือความสามารถในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จึงช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
หนึ่งใน ประโยชน์หลักของเรตินอล คือการ ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึก ที่เกิดจากวัยหรือแสงแดด พร้อมทั้งช่วย กระชับรูขุมขน ให้แลดูเล็กลง สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว เรตินอลยังมีฤทธิ์ลดการอุดตันของรูขุมขนและควบคุมการทำงานของต่อมไขมัน ซึ่งทำให้เรตินอลกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมในหมวด เรตินอลลดสิว อย่างกว้างขวาง
ในแง่ของการทำงาน เรตินอลจะซึมลึกลงไปยังชั้นผิว จากนั้นจะถูกเปลี่ยนเป็น เรตินอลแอซิด (Retinoic Acid) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผิวสามารถนำไปใช้ได้โดยตรง กระบวนการนี้จะช่วย กระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่ ส่งผลให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนขึ้น
สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน เรตินอลสำหรับมือใหม่ ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.1%–0.3% และใช้อย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง เพื่อให้ผิวปรับตัวได้โดยไม่ระคายเคือง เมื่อใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าอื่น ๆ อย่างมอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมกันแดด จะช่วยลดผลข้างเคียงและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างปลอดภัย
รวม 10 เรตินอล ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ใช้แล้วหน้าใส สิวหาย เห็นผลจริง
1. CERAVE Resurfacing Retinol Serum เรตินอลเซรั่ม
CeraVe Resurfacing Retinol Serum เรตินอลเซรั่มตัวนี้เป็นไอเท็มที่สาว ๆ หลายคนไว้วางใจ โดยเฉพาะใครที่กำลังมองหาสกินแคร์ลดรอยสิว รอยดำ และปรับผิวให้ดูเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ จุดเด่นของเซรั่มตัวนี้คือการผสาน “เรตินอลชนิด Encapsulated” ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง พร้อมเสริมการทำงานของเซราไมด์เข้มข้นถึง 3 ชนิด ที่มีอยู่ในสูตรเฉพาะของ CeraVe เพื่อช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่ทำให้ผิวแห้งลอกเหมือนเรตินอลทั่วไป ด้วยเนื้อเซรั่มที่บางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทำให้สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน ใช้ต่อเนื่องแล้วจะรู้สึกได้ว่าผิวดูเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรียกได้ว่าเป็นไอเท็มเรตินอลสำหรับมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นดูแลผิวอย่างล้ำลึก และยังตอบโจทย์เรื่อง ลดรอยสิว, ปรับผิวหน้าเรียบเนียน, ผิวกระจ่างใสแบบปลอดภัย ได้ครบถ้วนในหนึ่งเดียว
คุณสมบัติเด่นของ CeraVe Resurfacing Retinol Serum
- มีเรตินอลชนิด encapsulated ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
- มี 3 เซราไมด์หลัก เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
- ช่วยลดรอยดำ รอยสิว จุดด่างดำจากสิว
- ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอและกระจ่างใส
- เนื้อบางเบา ซึมง่าย ไม่อุดตันรูขุมขน
- ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์
- ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้เรตินอล และผิวแพ้ง่าย
ความเข้มข้น
- ไนอาซินาไมด์ 4%
- เรตินอล (Encapsulated Retinol) 0.3%
2. THESKINLIST Retinal Booster Night Perfecting Lotion
THESKINLIST Retinal Booster Night Perfecting Lotion เป็นโลชั่นบำรุงผิวยามค่ำคืนที่กำลังถูกพูดถึงในกลุ่มผู้ที่ใส่ใจการดูแลผิวอย่างล้ำลึก โดยเฉพาะในสายสกินแคร์ที่เน้นการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิวเสียสะสม ตัวนี้ผสานพลังของ Retinaldehyde (เรตินัลดีไฮด์) ซึ่งเป็นอนุพันธ์เรตินอลที่ออกฤทธิ์ไวกว่าแต่ระคายเคืองน้อย เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นใช้กลุ่มวิตามินเอหรือแม้แต่ผู้ที่มีประสบการณ์แล้วแต่ต้องการผลลัพธ์แบบอ่อนโยน ตัวโลชั่นมีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว ไม่ทิ้งความมันหรือคราบขาวบนผิว ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน ลดรอยสิว จุดด่างดำ และกระชับรูขุมขนได้อย่างเห็นผล โดยใช้เป็นประจำช่วงกลางคืนหลังขั้นตอนเซรั่ม และควรตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อป้องกันผิวแห้ง ทั้งยังเหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย หากมองหาผลิตภัณฑ์เรตินอลที่มีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง THESKINLIST ตัวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง
คุณสมบัติเด่น
- มีส่วนผสมของ Retinaldehyde, Retinal และ Retinol ช่วยลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำ
- เนื้อโลชั่นบางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะ
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้เรตินอลหรือผิวบอบบาง
- ช่วยกระชับรูขุมขน ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน
- ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์
- ใช้ได้กับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวแพ้ง่าย
- เหมาะสำหรับการดูแลผิวกลางคืนในระยะยาว
ความเข้มข้น :
- Niacinamide: 5%
- Pure Retinaldehyde : 0.1%
- Pure Retinol : 0.3%
3. Gravich Retinol Complex Concentrate Serum
Gravich Retinol Complex Concentrate Serum 30 ml คือเซรั่มเรตินอลที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มเผชิญกับสัญญาณแห่งวัย เช่น ริ้วรอย ความหมองคล้ำ และความหย่อนคล้อยของผิว ด้วยเรตินอลเข้มข้น 1.7% ซึ่งถือว่าเป็นความเข้มข้นที่ทรงพลังพอจะเห็นผลได้จริง แต่ในขณะเดียวกันยังคงอ่อนโยนเพียงพอสำหรับการใช้ต่อเนื่องในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อใช้อย่างถูกวิธี ผิวจะค่อย ๆ ปรับสภาพและดูเรียบเนียน กระชับขึ้น จุดด่างดำและรอยสิวจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ
เนื้อเซรั่มบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมไว เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวมันหรือผิวผสม Gravich ยังเสริมสูตรด้วยส่วนผสมบำรุงอื่น ๆ อย่างไนอะซินาไมด์ และวิตามินอี ช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดจากเรตินอล ขณะเดียวกันยังช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ผิวจึงดูอิ่มฟูและสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ สำหรับผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพและความคุ้มค่า Gravich Retinol Serum ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในช่วงราคาไม่สูงมาก เหมาะกับการใช้ในรูทีนกลางคืนควบคู่กับมอยเจอร์ไรเซอร์หรือผลิตภัณฑ์เติมความชุ่มชื้น
คุณสมบัติเด่นของ Gravich Retinol Serum
- เรตินอลเข้มข้น 1.7% ช่วยลดเลือนริ้วรอยและกระชับผิว
- มีไนอะซินาไมด์ ลดจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- วิตามินอีช่วยปลอบประโลมผิว ลดโอกาสเกิดการระคายเคือง
- เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่อุดตัน เหมาะกับทุกสภาพผิว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอยแบบอ่อนโยน
- ใช้ร่วมกับรูทีนกลางคืนเพื่อผลลัพธ์ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียน
ความเข้มข้น:
- เรตินอล 1%
4. INGU Green Tea Retinol Serum Shot
INGU Green Tea Retinol Serum Shot เซรั่มสูตรใหม่ที่น่าสนใจจากแบรนด์อิงกุ โดดเด่นด้วยการผสาน เรตินอล กับ สารสกัดจากชาเขียวเข้มข้น ซึ่งถือเป็นการรวมคุณค่าที่เหมาะสำหรับคนที่เริ่มกังวลเรื่อง ริ้วรอยก่อนวัย และต้องการบำรุงผิวแบบอ่อนโยน ด้วยเนื้อเซรั่มที่บางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะ เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย จุดเด่นสำคัญคือเรตินอลที่ช่วย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ลดเลือนริ้วรอยตื้นและลึกอย่างต่อเนื่อง เมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอจะรู้สึกได้ถึงผิวที่ดูเรียบเนียนและยืดหยุ่นขึ้น พร้อมด้วยคุณสมบัติของชาเขียวที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวจากมลภาวะในชีวิตประจำวัน สำหรับใครที่กำลังมองหา เซรั่มลดริ้วรอย ที่ผสมสารสกัดจากธรรมชาติ และมีความปลอดภัยต่อผิวในระยะยาว INGU Green Tea Retinol Serum Shot ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะในกลุ่มสกินแคร์ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ด้าน ผิวกระจ่างใส ผิวแข็งแรง และลดเลือนจุดด่างดำ อย่างเป็นธรรมชาติ
คุณสมบัติเด่นของ INGU Green Tea Retinol Serum Shot
- ผสานเรตินอลและสารสกัดชาเขียวเข้มข้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย
- เนื้อบางเบา ซึมเร็ว ไม่อุดตันรูขุมขน
- เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่ทำให้ผิวแห้งลอก
- ลดการอักเสบของผิว พร้อมเสริมเกราะป้องกันผิว
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ จุดด่างดำจางลง
- ไม่มีพาราเบน น้ำหอม หรือแอลกอฮอล์
- เหมาะสำหรับใช้เป็นประจำในสกินแคร์รูทีนทุกคืน
ความเข้มข้น
- เรตินอลเข้มข้น 1%
- สารสกัดชาเขียว 30%
- ไฮยาลูรอนิค แอซิด 2%
5. La Roche-Posay Retinol B3 Serum
La Roche-Posay Retinol B3 Serum เซรั่มลดเลือนริ้วรอยจากเวชสำอางฝรั่งเศส ที่ตอบโจทย์สายดูแลผิวหน้าแบบจริงจัง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยร่องลึก ความหย่อนคล้อย และผิวที่ดูอ่อนล้า เซรั่มตัวนี้มี เรตินอลบริสุทธิ์ และ เรตินอลแบบปลดปล่อยช้า (Gradual-Release Retinol) ผสานกับ วิตามิน B3 (Niacinamide) ที่ช่วยปลอบประโลมผิวในขณะฟื้นฟูโครงสร้างผิวหน้าให้ดูแน่น กระชับ และเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสคือเนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่ทำให้ผิวแห้งตึงหลังใช้ มีกลิ่นอ่อน ๆ แบบเวชสำอาง ใช้แล้วรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงใน 2-4 สัปดาห์ โดยเฉพาะในจุดที่มีริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม และหน้าผาก นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนผิวแพ้ง่าย และผู้ที่กำลังมองหาเซรั่มลดเลือนริ้วรอยที่ให้ผลลัพธ์ในระยะยาวโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่จริงจังกับการดูแลผิวให้คงความอ่อนเยาว์ และเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้กลุ่มวัย 30+ ที่ต้องการลงทุนกับสกินแคร์ที่เห็นผลชัดเจน
คุณสมบัติเด่น
- มี เรตินอลบริสุทธิ์ และแบบ ปลดปล่อยช้า ช่วยลดเลือนริ้วรอยลึก
- ผสาน วิตามิน B3 (Niacinamide) ลดการระคายเคืองและเสริมปราการผิว
- เหมาะสำหรับ ผิวบอบบาง แพ้ง่าย
- เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไว ไม่ทิ้งความมัน
- ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน ตึงกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง ปราศจากพาราเบนและแอลกอฮอล์
- ใช้ได้ทั้งช่วงเช้าและก่อนนอน (ควรตามด้วยกันแดดในตอนเช้า)
ความเข้มข้น:
- Retinol (เรตินอล) 0.3%
- Niacinamide (วิตามินบี 3) 2%
6. No7 Pure Retinol Post Retinol Soother
หากคุณกำลังมองหา “ครีมบำรุงหลังใช้เรตินอล” ที่ช่วยลดการระคายเคือง ฟื้นบำรุงผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นแบบเร่งด่วน No7 Pure Retinol Post Retinol Soother คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่มสกินแคร์สำหรับผิวที่ผ่านการใช้เรตินอลโดยเฉพาะ เนื้อสัมผัสเป็นเจลครีมบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ให้ผิวรู้สึกเย็นสบายตั้งแต่ครั้งแรกที่ทา เหมาะกับการใช้ในตอนกลางคืนหลังทาเรตินอล หรือใช้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ปลอบประโลมผิวในช่วงที่ผิวบอบบาง
จุดเด่นคือมี Bisabolol และ Allantoin ช่วยลดการอักเสบของผิว พร้อมทั้ง Ceramide และ Glycerin ที่ช่วยเสริมปราการผิวให้แข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใช้แล้วผิวดูนุ่มขึ้น ชุ่มชื้นขึ้น และลดความแห้งลอกจากการใช้เรตินอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ที่ใช้เรตินอลอยู่เป็นประจำ หรือเริ่มต้นเข้าสู่การดูแลผิวด้วยเรตินอลก็สามารถใช้คู่กันได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผิวแห้งหรือระคายเคือง
คุณสมบัติเด่นของ No7 Pure Retinol Post Retinol Soother
- เนื้อเจลครีมบางเบา ซึมซาบเร็ว
- ช่วยปลอบประโลมผิวหลังใช้เรตินอล ลดอาการแห้ง แดง ลอก
- อุดมด้วยส่วนผสมอย่าง Bisabolol, Allantoin และ Ceramide
- ปราศจากน้ำหอม เหมาะกับผิวแพ้ง่าย
- ใช้คู่กับผลิตภัณฑ์กลุ่มเรตินอลได้โดยไม่รบกวนประสิทธิภาพ
- เสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้นในระยะยาว
- เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางจากการใช้เรตินอล
ความเข้มข้น
- เพียว เรตินอล 1%
7. COSRX The Retinol Cream 0.1%
หากคุณกำลังมองหา เรตินอลครีม ที่ทั้งอ่อนโยนและทรงพลัง COSRX The Retinol Cream 0.1% คือตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ด้วยปริมาณ เรตินอลบริสุทธิ์ 0.1% ซึ่งอยู่ในระดับที่เหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้นหรือผู้ที่มีผิวบอบบาง พร้อมเสริมการทำงานด้วย Super Vitamin E (tocotrienol) ที่ช่วยลดการระคายเคืองและต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมี แพนทีนอล หรือ Vitamin B5 ที่ช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิว
เนื้อครีมบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่หนักหน้า เหมาะกับการใช้งานในช่วงกลางคืนหลังขั้นตอนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก จุดด่างดำ หรือผิวไม่สม่ำเสมอ การใช้ต่อเนื่อง 2–3 สัปดาห์จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ถือเป็นไอเทม “เรตินอลสำหรับมือใหม่” ที่ทั้งมีคุณภาพและราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ หากคุณเป็นสาย anti-aging หรือกำลังเริ่มต้นเข้าสู่เส้นทาง สกินแคร์บำรุงผิวหน้า แบบจริงจัง ตัวนี้ไม่ควรพลาด
คุณสมบัติเด่น
- เรตินอลบริสุทธิ์ 0.1% ลดเลือนริ้วรอยและกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
- มี Super Vitamin E (tocotrienol) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- แพนทีนอลปลอบประโลมผิว ลดการระคายเคือง
- เนื้อครีมบางเบา เหมาะกับผิวแพ้ง่ายและมือใหม่หัดใช้เรตินอล
- ใช้ได้ในรูทีนกลางคืน ไม่หนักผิว ไม่ทำให้แสบลอก
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบ anti-aging อย่างค่อยเป็นค่อยไป
- ปราศจากน้ำหอมและสารระคายเคือง เหมาะกับผิวบอบบาง
ความเข้มข้น:
- เรตินอล 0.1%
8. MizuMi Advance Retinoic Ester Serum
MizuMi Advance Retinoic Ester Serum ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมเซรั่มลดเลือนริ้วรอยที่น่าจับตามองในกลุ่มสกินแคร์บำรุงผิวหน้าสำหรับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัย ตัวนี้โดดเด่นด้วยการใช้ Retinoic Ester ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของเรตินอลรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับเรตินอลบริสุทธิ์ แต่มีความอ่อนโยนมากกว่า ไม่ทำให้ผิวแห้งลอกหรือระคายเคืองง่ายเหมือนเรตินอลทั่วไป เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้เรตินอลหรือผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเป็นพิเศษ
เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะเมื่อใช้ต่อเนื่องในช่วงกลางคืนจะสังเกตได้ว่าผิวดูกระชับขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง และรอยสิวจางไวขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและสารบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูผิวในขณะหลับ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบครบจบในขั้นตอนเดียว ทั้งลดเลือนริ้วรอย ผิวเรียบเนียน และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีสำหรับคนที่กำลังมองหาเซรั่มลดริ้วรอยที่ใช้ง่ายและเห็นผลจริงในราคาจับต้องได้
คุณสมบัติเด่นของ MizuMi Advance Retinoic Ester Serum
- ใช้ Retinoic Ester รุ่นใหม่ที่อ่อนโยนกว่าเรตินอลทั่วไป
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและจุดด่างดำอย่างเห็นได้ชัด
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์
- เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย และผู้เริ่มต้นใช้เรตินอล
- ไม่ทำให้ผิวลอกหรือระคายเคือง
- เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไว ไม่อุดตัน
- ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
- ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน
- ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนัง
ความเข้มข้น:
- Retinoic Ester 2%
9. SKINTIFIC Retinol Skin Renewal Serum
หากคุณกำลังมองหาเซรั่มบำรุงผิวหน้าที่ช่วยฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียนและลดเลือนริ้วรอยได้จริง SKINTIFIC Retinol Skin Renewal Serum คือตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เซรั่มตัวนี้ผสานพลังของเรตินอลเข้ากับเทคโนโลยี Encapsulated Retinol ที่ช่วยให้การปล่อยสารบำรุงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ลดการระคายเคืองในผิวแพ้ง่าย และยังมีสารสกัดจาก Ceramide และ Centella Asiatica ที่ช่วยปลอบประโลมและเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เนื้อเซรั่มมีความบางเบา ซึมเร็ว ไม่เหนอะหนะ เหมาะสำหรับใช้ในขั้นตอนบำรุงก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน เพื่อผลลัพธ์ของผิวที่ดูกระจ่างใส เนียนละเอียด รูขุมขนแลดูกระชับขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดสิวผดและรอยสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับใครที่เริ่มเข้าสู่วัย 25+ และต้องการเริ่มต้นดูแลเรื่องริ้วรอยก่อนวัย SKINTIFIC เรตินอลเซรั่มขวดนี้คือตัวช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแลดูอ่อนเยาว์อีกครั้งในราคาที่เข้าถึงได้
คุณสมบัติเด่นของ SKINTIFIC Retinol Skin Renewal Serum
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นเล็กก่อนวัย
- ปรับผิวให้เรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
- มี Encapsulated Retinol ลดการระคายเคืองของผิว
- ผสาน Ceramide เสริมความชุ่มชื้นและปราการผิว
- มีสารสกัด Centella Asiatica ช่วยปลอบประโลมผิว
- เนื้อบางเบา ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ
- เหมาะกับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบาง
- ใช้ได้ทุกวันในขั้นตอนการบำรุงผิวช่วงกลางคืน
ความเข้มข้น
- Retinol 0.1%: กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย
- Niacinamide 5%: ลดรอยดำ เพิ่มความกระจ่างใส
- Hyaluronic Acid: เติมน้ำให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งลอก
10. PAPA FEEL เรตินอล เซรั่ม AntiAging Retinol Serum
PAPA FEEL เรตินอล เซรั่ม AntiAging Retinol Serum เป็นเซรั่มบำรุงผิวที่ตอบโจทย์สายสกินแคร์ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูผิวให้เนียนกระชับอย่างตรงจุด ด้วยส่วนผสมหลักอย่างเรตินอลเข้มข้นที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ผิวเรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ Anti-Aging ที่เห็นผลจริงในงบคุ้มค่า เนื้อเซรั่มบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะบนผิว ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ควรตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือครีมกันแดดเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด จุดเด่นอีกอย่างคือไม่มีพาราเบน น้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ จึงเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย และสามารถใช้ร่วมกับขั้นตอนดูแลผิวอื่น ๆ ได้โดยไม่ระคายเคือง สำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นดูแลผิวด้วยเรตินอล หรืออยากลดเลือนร่องลึกจากวัยที่เพิ่มขึ้น เซรั่มตัวนี้ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่ควรมีติดโต๊ะเครื่องแป้ง
คุณสมบัติเด่นของ PAPA FEEL Retinol Serum
- ลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใส
- มีเรตินอลเข้มข้น แต่ยังคงอ่อนโยนต่อผิว
- ปราศจากน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์
- เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมไว ไม่อุดตันรูขุมขน
- เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย
- ใช้ได้ทั้งช่วงเช้าและก่อนนอน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาเซรั่มลดริ้วรอยแบบปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ความเข้มข้น
- Retinol 3X (เรตินอลสามเท่า)
- Hyaluronic Acid 1%
- Vitamin E 0.5%
วิธีเลือกซื้อเรตินอลให้เหมาะกับสภาพผิว
เลือกตามความเข้มข้นของเรตินอล (0.1%, 0.3%, 0.5%, 1%)
ระดับความเข้มข้นของเรตินอลมีผลต่อประสิทธิภาพและความเสี่ยงต่อการระคายเคือง:
- มากกว่า 1% สำหรับผู้ที่เคยใช้อย่างต่อเนื่องและต้องการผลลัพธ์ชัดเจน
- เริ่มต้นที่ 0.1%–0.3% สำหรับมือใหม่หรือผิวแพ้ง่าย
- ระดับกลาง 0.5%–1% สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์แล้ว
เลือกตามสภาพผิว (ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย)
- ผิวแห้ง ควรเลือกเรตินอลที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เช่น ไฮยาลูรอน กรดไขมัน หรือเซราไมด์ เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นและลดการลอกของผิว
- ผิวมัน สามารถใช้เรตินอลที่มีส่วนผสมช่วยควบคุมความมัน เช่น กรดซาลิไซลิก หรือไนอาซินาไมด์ เพื่อช่วยกระชับรูขุมขน ลดการอุดตัน และลดการเกิดสิว
- ผิวแพ้ง่าย ควรเริ่มต้นด้วยเรตินอลที่มีความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.1% หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารช่วยปลอบประโลมผิว เช่น อโลเวร่า วิตามินอี หรือสารสกัดจากข้าวโอ๊ต เพื่อช่วยลดการระคายเคือง
เลือกตามส่วนผสมเพิ่มเติม (เช่น ไนอาซินาไมด์ ไฮยาลูรอน กรดซาลิไซลิก)
การเลือกเรตินอลที่มีส่วนผสมเพิ่มเติมสามารถช่วยเสริมประสิทธิภาพและลดผลข้างเคียงได้ เช่น
- ไนอาซินาไมด์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดรอยแดง จุดด่างดำ และช่วยเสริมความแข็งแรงให้เกราะป้องกันผิว
- ไฮยาลูรอน เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้ง เพราะช่วยเติมน้ำและเพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการแห้งลอกที่อาจเกิดจากการใช้เรตินอล
- กรดซาลิไซลิก (BHA) เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสิวและรูขุมขนอุดตัน เพราะช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน
การเลือกเรตินอลให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาผิวของแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ ใช้ในปริมาณน้อย และค่อยๆ เพิ่มความถี่เมื่อต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น พร้อมทั้งใช้มอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดควบคู่กันเสมอเพื่อปกป้องผิว
เรตินอล ใช้ยังไง? วิธีใช้เรตินอลอย่างถูกต้อง
การใช้ เรตินอล (Retinol) อย่างถูกวิธี เป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อป้องกันการระคายเคืองและให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดในการดูแลผิว ต่อไปนี้คือขั้นตอนและคำแนะนำง่ายๆ สำหรับมือใหม่:
1. เลือกความเข้มข้นที่เหมาะสม
- เริ่มจากความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.1% – 0.3% หากคุณไม่เคยใช้มาก่อน
- ค่อยๆ ปรับเพิ่มเมื่อผิวเริ่มปรับตัวได้ดี
2. ใช้เฉพาะตอนกลางคืน
- เนื่องจากเรตินอลไวต่อแสงแดด จึงควรใช้เฉพาะ ตอนเย็นหรือตอนกลางคืน
- หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับวิตามินซีในช่วงเดียวกัน (เว้นไปใช้ตอนเช้าแทน)
3. ลำดับการใช้ในสกินแคร์รูทีน
- ล้างหน้าให้สะอาดและเช็ดหน้าให้แห้งสนิท
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์บางๆ (บางคนเรียกว่าการ “buffer” เพื่อช่วยลดการระคายเคือง)
- ทาเรตินอลในปริมาณเท่าเมล็ดถั่วบนผิวหน้า
- ทามอยเจอร์ไรเซอร์ซ้ำอีกชั้นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
4. ความถี่ในการใช้
- สัปดาห์แรก: ใช้ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์
- สัปดาห์ถัดไป: เพิ่มเป็น วันเว้นวัน
- เมื่อผิวเริ่มชิน อาจใช้ได้ทุกคืน (แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวันก็ได้)
5. สิ่งที่ควรใช้ร่วม
- มอยเจอร์ไรเซอร์: จำเป็นมาก เพื่อป้องกันผิวแห้ง ลอก
- ครีมกันแดด SPF 30+: ใช้ทุกเช้า แม้วันไม่ได้ออกจากบ้าน เพราะผิวจะไวต่อแสงมากขึ้น
6. ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับ AHA, BHA หรือกรดแรงๆ อื่นๆ ในวันเดียวกัน
- หากมีอาการระคายเคืองมาก ควรหยุดใช้ชั่วคราวและทาครีมปลอบประโลมผิว เช่น Cica หรือ Allantoin
💡 Tip: หากรู้สึกระคายเคืองมาก อาจลองใช้ “วิธีแซนวิช” โดยทามอยส์เจอไรเซอร์ก่อน → เรตินอล → มอยส์เจอไรเซอร์อีกครั้ง เพื่อช่วยลดอาการแห้งและลอกของผิว ใช้เรตินอลอย่างถูกต้อง ผิวสวยใส กระชับ ดูอ่อนเยาว์เร็วขึ้นแน่นอน! 😊
คำแนะนำการใช้เรตินอลสำหรับผู้เริ่มต้น
เรตินอลเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอที่มีคุณสมบัติในการลดเลือนริ้วรอย กระชับรูขุมขน และช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ แต่เนื่องจากเรตินอลมีฤทธิ์ค่อนข้างแรง การเริ่มใช้อย่างถูกวิธีจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้เริ่มต้น
วิธีเริ่มต้นใช้เรตินอล
ควรเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ เช่น 0.1%–0.3% ใช้ในปริมาณน้อย (ประมาณเมล็ดถั่วลันเตา) เฉพาะช่วงกลางคืน เพราะแสงแดดอาจทำให้เรตินอลเสื่อมสภาพได้ และควรทาบนผิวที่แห้งสนิทหลังล้างหน้า
ความถี่ในการใช้
ในช่วงแรกควรใช้เพียงสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับตัว จากนั้นค่อยๆ เพิ่มความถี่ขึ้นเป็นวันเว้นวัน หรือทุกคืนตามความเหมาะสมกับสภาพผิว หากมีอาการลอก แดง หรือระคายเคือง ควรลดความถี่ลงหรือหยุดใช้ชั่วคราว
วิธีดูแลผิวร่วมกับเรตินอล
เรตินอลอาจทำให้ผิวแห้งหรือลอก ควรใช้คู่กับมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เช่นที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ หรือไฮยาลูรอนิคแอซิด และต้องใช้ครีมกันแดดเป็นประจำในตอนเช้า เพราะผิวจะไวต่อแสงมากขึ้นขณะใช้เรตินอล
ข้อควรระวัง
หลีกเลี่ยงการใช้เรตินอลร่วมกับกรดผลัดเซลล์อื่นๆ เช่น AHA, BHA หรือวิตามินซี ในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น และไม่แนะนำให้ใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรโดยไม่ปรึกษาแพทย์
ประโยชน์ของ เรตินอล (Retinol)
เรตินอล (Retinol) เป็นสารสกัดจากวิตามิน A ที่มีประโยชน์มากมายในการดูแลผิวพรรณ ซึ่งสามารถตอบโจทย์หลายปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในการลดเลือนริ้วรอยและช่วยฟื้นฟูผิวที่มีปัญหา เช่น สิวอุดตัน และสิวอักเสบ
1. ลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้ว
เรตินอลมีคุณสมบัติกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง เมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าริ้วรอยร่องตื้น เช่น รอยยิ้ม หรือรอยใต้ตา ค่อยๆ จางลง และแม้กระทั่งร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ก็จะดูตื้นขึ้น ผิวหน้าจึงดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด
2. กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว
เรตินอลเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ทำให้เซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำหรือแห้งกร้านหลุดออกเร็วขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าดูสดใส กระจ่างใส และเรียบเนียน อีกทั้งยังช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน ป้องกันไม่ให้เกิดสิวใหม่ได้ง่าย
3. ลดปัญหาสิวและรอยดำจากสิว
เรตินอลช่วยให้รูขุมขนสะอาด ลดการสะสมของน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่อุดตัน จึงช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบ และสิวหัวดำ นอกจากนี้ยังช่วยลดเม็ดสีเมลานิน จึงลดรอยดำ รอยแดงจากสิวได้ดี และทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเร็วขึ้น
4. กระชับรูขุมขน
เมื่อเรตินอลช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์และเพิ่มการสร้างคอลลาเจน โครงสร้างของผิวก็แข็งแรงขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนที่เคยดูกว้างจากการอุดตันหรืออายุที่มากขึ้น กลับดูกระชับและเล็กลง ทำให้ผิวหน้าดูละเอียดและเนียนมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
5. ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
เรตินอลมีส่วนช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุของจุดด่างดำ ฝ้า กระ และผิวไม่สม่ำเสมอ เมื่อใช้เรตินอลต่อเนื่อง สีผิวที่เคยไม่เรียบเนียนจะค่อยๆ จางลง และดูมีโทนสีผิวที่สม่ำเสมอมากขึ้นทั่วใบหน้า
6. เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
การที่เรตินอลช่วยกระตุ้นการสร้างทั้งคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวมีความกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ผิวที่เคยดูเหนื่อยล้า หรือไม่กระชับ จะกลับมาดูแน่น ฟู และดูสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
7. ลดการอักเสบของผิว
นอกจากช่วยในเรื่องสิวแล้ว เรตินอลยังมีฤทธิ์ลดการอักเสบโดยธรรมชาติ จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบเรื้อรัง หรือผิวแพ้ง่ายในระดับหนึ่ง (ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยน) เมื่อใช้แล้วจะช่วยลดการแดงและบวมของผิวที่ระคายเคืองได้ดีขึ้น
สรุปเรตินอลยี่ห้อไหนดีในปี 2025?
การเลือก เรตินอล ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพผิวและระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ สำหรับผู้เริ่มต้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นต่ำ เช่น CERAVE Resurfacing Retinol Serum ซึ่งมีสูตรอ่อนโยน ช่วยให้ผิวปรับตัวได้ง่าย และลดโอกาสระคายเคือง ส่วน ผู้ที่ต้องการความเข้มข้นสูง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การลดริ้วรอยลึกหรือจุดด่างดำ La Roche-Posay Retinol B3 Serum ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง แต่ควรใช้ด้วยความระมัดระวังและเริ่มจากความถี่ต่ำก่อน นอกจากนี้ เพื่อช่วยลดอาการแห้งลอกที่อาจเกิดจากการใช้เรตินอล การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ สามารถดูตัวเลือกที่เหมาะสมเพิ่มเติมได้ที่ 10 มอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อไหนดี 2025 เพื่อเสริมความชุ่มชื้นและปกป้องผิวให้แข็งแรงตลอดการใช้เรตินอล
🔬 อ้างอิงจากงานวิจัยทางผิวหนัง:
- American Academy of Dermatology (AAD) ยืนยันว่า เรตินอลช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน ได้จริง
- งานวิจัยจาก Harvard Medical School ชี้ว่า Retinol มีประสิทธิภาพสูงในการลดเลือนรอยดำและจุดด่างดำ ที่เกิดจากแสงแดดและวัยที่เพิ่มขึ้น
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เรตินอลสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว แต่ควรเลือกสูตรและความเข้มข้นที่เหมาะสม สำหรับ ผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำ (0.1% – 0.3%) และใช้คู่กับมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยลดการระคายเคือง ส่วน ผิวมันและผิวเป็นสิวง่าย สามารถใช้เรตินอลที่มีส่วนผสมของสารควบคุมความมัน เช่น ไนอาซินาไมด์ หรือกรดซาลิไซลิกได้ โดยเริ่มจากการใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ก่อน แล้วค่อยเพิ่มความถี่เมื่อผิวเริ่มปรับตัวได้
ใช่! เรตินอลช่วยลดสิวได้จริง เพราะมันช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน และควบคุมการผลิตน้ำมันส่วนเกิน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการใช้ อาจเกิด Purging หรือสิวเห่อชั่วคราว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ผิวขับสิ่งอุดตันออกมา ก่อนที่ผิวจะเริ่มดีขึ้น โดยผู้ที่มีปัญหาสิวควรเลือกเรตินอลที่มีส่วนผสมเสริม เช่น ไนอาซินาไมด์ (ช่วยลดการอักเสบ) หรือ BHA (ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน)
ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงแรก ควรเริ่มจาก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ผิวปรับตัว แล้วจึงค่อยเพิ่มความถี่เป็นวันเว้นวันหรือทุกคืน หากผิวสามารถทนได้ดี สำหรับผู้ที่ใช้เรตินอลที่มีความเข้มข้นสูง (0.5% – 1%) อาจใช้เพียง 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์เพื่อป้องกันการระคายเคือง นอกจากนี้ การใช้มอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดควบคู่กันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องผิวจากความแห้งและแสงแดด
การใช้ เรตินอล อาจทำให้เกิดอาการหน้าลอกในช่วงแรกๆ เนื่องจากมันช่วยผลัดเซลล์ผิวใหม่ เพื่อให้ผิวได้รับประโยชน์สูงสุด ควรเริ่มใช้ในปริมาณน้อยและค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม โดยควรทาครีมบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้นหลังใช้เรตินอลเพื่อช่วยลดการลอกหรือแห้งของผิว
การใช้ เรตินอล ทำให้ผิวบางลงและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรงหลังจากใช้เรตินอล และควรทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกแดดเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายจากแสง UV