ในยุคที่ไลฟ์สไตล์ต้องแข่งขันกับเวลาและต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวน การซักผ้าแต่ละครั้งอาจมาพร้อมกับความกังวลใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหา ตากผ้าหน้าฝน ที่ทำให้เกิด ปัญหาผ้าอับชื้น ตามมา หรือวันที่อากาศเปิดก็ต้องเผชิญกับมลภาวะและ ฝุ่น PM 2.5 ที่พร้อมจะเกาะติดเสื้อผ้าจนทำให้ไม่สะอาดอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งไปกว่านั้น ข้อจำกัดด้านพื้นที่ของคอนโดมิเนียมและบ้านในเมืองก็ทำให้การหาที่ตากผ้าเป็นเรื่องยาก ด้วยเหตุผลเหล่านี้ “เครื่องอบผ้า” จึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่และกลายเป็นหนึ่งใน เครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็น สำหรับครัวเรือนยุคใหม่
เทคโนโลยีของเครื่องอบผ้าในปี 2025 ได้รับการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ไม่ใช่แค่การทำให้ผ้าแห้งเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาพร้อมนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ด้านสุขอนามัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชันฆ่าเชื้อโรค และแบคทีเรียด้วยความร้อนสูง, โปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อ การดูแลผู้เป็นภูมิแพ้ โดยเฉพาะ เพื่อขจัดสารก่อภูมิแพ้และไรฝุ่น รวมถึง ระบบ AI อัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์ชนิดของผ้าและปรับอุณหภูมิการอบให้เหมาะสมที่สุดโดยอัตโนมัติ เพื่อถนอมเสื้อผ้าให้ดูดีเหมือนใหม่ได้ยาวนาน
บทความนี้ PRICEDED จะพาคุณไปเจาะลึกและสำรวจ 10 สุดยอดเครื่องอบผ้าที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อช่วยให้การตัดสินใจเลือก เครื่องอบผ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ใช่สำหรับไลฟ์สไตล์ของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเปลี่ยนความกังวลเรื่องผ้าไม่แห้งให้กลายเป็นอดีตไปตลอดกาล
H2: ก่อนตัดสินใจซื้อ! รู้จักประเภทของเครื่องอบผ้า แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
การจะรู้ว่าเครื่องอบผ้าแบบไหนดีที่สุดสำหรับเรานั้น อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนว่า เครื่องอบผ้ามีกี่แบบ และแต่ละแบบทำงานแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือก 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้
1. เครื่องอบผ้าระบบลมร้อน (Vented Dryer)
เป็นเครื่องอบผ้าพื้นฐานที่สุด ทำงานโดยการเป่าลมร้อนผ่านเสื้อผ้าเพื่อไล่ความชื้น จากนั้นจะระบายอากาศร้อนชื้นนั้นออกไปนอกตัวอาคารผ่านท่อระบายอากาศ
- ข้อดี:
- ราคาถูก: เป็นประเภทที่มีราคาเริ่มต้นย่อมเยาที่สุด
- แห้งเร็ว: ใช้เวลาในการอบแห้งค่อนข้างรวดเร็ว
- ข้อเสีย:
- ต้องติดตั้งท่อระบาย: จำเป็นต้องเจาะผนังหรือหาช่องทางเพื่อเดินท่อระบายอากาศร้อนออกนอกบ้าน ทำให้มีข้อจำกัดในการติดตั้ง
- สิ้นเปลืองพลังงาน: เนื่องจากต้องสร้างความร้อนใหม่อยู่ตลอดเวลา จึงใช้ไฟฟ้ามากกว่าระบบอื่น
2. เครื่องอบผ้าระบบควบแน่น (Condenser Dryer)
ระบบนี้จะใช้ความร้อนทำให้ความชื้นจากเสื้อผ้าระเหยเป็นไอ จากนั้นไอน้ำจะถูก ควบแน่น ให้กลายเป็นหยดน้ำ แล้วถูกรวบรวมไปเก็บไว้ในถาดหรือภาชนะภายในเครื่อง (ซึ่งต้องนำไปเททิ้งหลังใช้งาน) ส่วนอากาศร้อนจะถูกนำกลับมาใช้ใหม่
- ข้อดี:
- ติดตั้งง่าย: แค่เสียบปลั๊กก็ใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเจาะผนังเพื่อต่อท่อ สามารถวางไว้ที่ไหนก็ได้ในบ้าน
- ข้อเสีย:
- ราคาสูงกว่าระบบลมร้อน: มีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่าแบบท่อระบาย
- เกิดความร้อนสะสม: ขณะทำงานจะมีการปล่อยความร้อนและไอน้ำออกมาเล็กน้อย อาจทำให้ห้องที่ติดตั้งมีอุณหภูมิสูงขึ้นได้
3. เครื่องอบผ้าระบบปั๊มความร้อน (Heat Pump Dryer)
เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด หลักการทำงานจะคล้ายกับเครื่องปรับอากาศ โดยใช้คอมเพรสเซอร์ (ปั๊มความร้อน) สร้างลมร้อนเพื่อดึงความชื้นออกจากผ้า จากนั้นจะดึงความร้อนกลับมาหมุนเวียนใช้ใหม่ในระบบปิด ทำให้ไม่เกิดความร้อนสะสมในห้อง Heat Pump คืออะไร? พูดง่ายๆ ก็คือเป็นระบบที่นำพลังงานความร้อนกลับมาใช้ซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
- ข้อดี:
- เครื่องอบผ้าประหยัดไฟที่สุด: ประหยัดพลังงานได้มากกว่าระบบอื่นถึง 50% เนื่องจากใช้ความร้อนหมุนเวียน
- ถนอมผ้าดีที่สุด: ใช้อุณหภูมิในการอบต่ำกว่าระบบอื่น จึงช่วยถนอมเนื้อผ้าและลดการหดตัวของเสื้อผ้าได้ดีเยี่ยม
- ข้อเสีย:
- ราคาสูงที่สุด: เป็นประเภทที่มีราคาสูงที่สุดในบรรดาเครื่องอบผ้าทั้งหมด
- ใช้เวลาอบนานกว่า: เนื่องจากใช้อุณหภูมิต่ำกว่า จึงอาจใช้เวลาในการอบนานกว่าเล็กน้อย
4. เครื่องซักอบผ้า (Washer Dryer Combo)
คือเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบ 2-in-1 ที่รวมฟังก์ชันการซักและการอบไว้ในเครื่องเดียว ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด
- ข้อดี:
- ประหยัดพื้นที่: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่ซักล้างจำกัด
- สะดวกสบาย: ซักเสร็จแล้วสามารถตั้งโปรแกรมให้อบต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องย้ายผ้า
- ข้อเสีย (เครื่องซักอบผ้า ข้อดีข้อเสีย ที่ควรพิจารณา):
- ความจุในการอบน้อยกว่าซัก: โดยทั่วไปแล้วจะสามารถอบผ้าได้เพียงครึ่งหนึ่งของความจุซัก เช่น ซัก 10 กก. อาจจะอบได้เพียง 5-6 กก. ทำให้ต้องแบ่งผ้าอบ
- ประสิทธิภาพการอบ: การอบต่อเนื่องหลายครั้งอาจไม่แห้งสนิทเท่าเครื่องอบผ้าโดยเฉพาะ และใช้เวลานานกว่ามาก
Checklist! 5 ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องอบผ้า ปี 2025
เมื่อรู้จักประเภทของเครื่องอบผ้าแล้ว ขั้นตอนต่อไปใน วิธีเลือกซื้อเครื่องอบผ้า คือการพิจารณาคุณสมบัติสำคัญต่างๆ เพื่อให้ได้เครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณและครอบครัวมากที่สุด นี่คือ 5 ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
1. ขนาดความจุ (Capacity)
ความจุเครื่องอบผ้า ควรเลือกให้เหมาะสมกับปริมาณการซักผ้าและจำนวนสมาชิกในครอบครัว เพื่อให้การอบผ้ามีประสิทธิภาพสูงสุดและไม่เปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
- 1-2 คน: ขนาด 7-8 kg เหมาะสำหรับคนโสด คู่รัก หรือครอบครัวขนาดเล็ก
- 3-4 คนขึ้นไป: ขนาด 9 kg ขึ้นไป เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ หรือบ้านที่ซักผ้าปริมาณมากและมีผ้าชิ้นใหญ่อย่างผ้านวมเป็นประจำ
2. ขนาดตัวเครื่องและพื้นที่ติดตั้ง
ก่อนซื้อควรวัดขนาดพื้นที่ที่จะติดตั้งให้แน่ชัด ทั้งความกว้าง ความลึก และความสูง เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถวางเครื่องได้อย่างพอดี นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงพื้นที่ว่างรอบตัวเครื่องสำหรับให้เครื่องได้ระบายอากาศอย่างสะดวก เพื่อป้องกันความร้อนสะสมและช่วยให้เครื่องทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. ฟังก์ชันเด่นที่ต้องมองหา
เทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้เครื่องอบผ้าทำได้มากกว่าแค่ทำให้ผ้าแห้ง ฟังก์ชันเหล่านี้จะช่วยให้ชีวิตคุณง่ายและสะดวกขึ้น
- โปรแกรมสำหรับผ้าแต่ละชนิด: มองหาเครื่องที่มี โปรแกรมถนอมผ้า หลากหลาย เช่น โปรแกรมสำหรับผ้าฝ้าย, ผ้าใยสังเคราะห์, ผ้าขนสัตว์, ผ้าบางเบา หรือชุดกีฬา เพื่อให้ผ้าแต่ละชนิดได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมที่สุด
- ฟังก์ชันลดรอยยับ (Anti-Crease/Wrinkle Free): เป็นฟังก์ชันที่ขาดไม่ได้! โดยเครื่องจะมีการหมุนถังเบาๆ หลังสิ้นสุดโปรแกรม เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้ากองทับกันจนเกิดรอยยับ ช่วยให้คุณประหยัดแรงและเวลารีดผ้าไปได้มาก
- เซนเซอร์วัดความชื้น (Sensor Dry): เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ใช้ เซนเซอร์วัดความชื้น ในเนื้อผ้า และจะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผ้าแห้งสนิทตามระดับที่ตั้งไว้ ช่วยป้องกันปัญหาผ้าแห้งเกินไปจนทำให้เนื้อผ้าเสียหายและยังช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม
4. นวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (Hygiene & Allergy Care)
สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ฟังก์ชันด้านสุขอนามัยถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
- ระบบอบไอน้ำ/ลมร้อนฆ่าเชื้อโรค: หลายรุ่นมาพร้อมโปรแกรมที่สามารถกำจัดแบคทีเรียและไวรัสที่เกาะอยู่บนเสื้อผ้าได้สูงถึง 99.9% เพิ่มความมั่นใจในความสะอาด
- โปรแกรมลดสารก่อภูมิแพ้ (Allergy Care): ออกแบบมาเพื่อ กำจัดไรฝุ่น, ขนสัตว์, ละอองเกสร และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ที่อาจซ่อนอยู่ในใยผ้า ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการภูมิแพ้
5. เทคโนโลยี AI และ Smart Features
เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานไปอีกระดับด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
- AI อัจฉริยะ: เครื่องอบผ้าบางรุ่นสามารถวิเคราะห์ชนิดและน้ำหนักของผ้า แล้วเลือกโปรแกรมการอบที่เหมาะสมที่สุดให้โดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องคาดเดาหรือตั้งค่าเองให้ยุ่งยาก
- การเชื่อมต่อ Smart Phone: สั่งงาน ตั้งเวลา และตรวจสอบสถานะการทำงานของเครื่องอบผ้าได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับการใช้ชีวิต
เปิดลิสต์! จัดอันดับ 10 เครื่องอบผ้า ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่สุดแห่งนวัตกรรม
1. Bosch เครื่องอบผ้าระบบฮีตปั้ม 9 กก. รุ่น WQG24200TH
เมื่อพูดถึงเครื่องอบผ้าที่ให้ทั้งประสิทธิภาพสูงสุดและนวัตกรรมล้ำสมัยจากเยอรมนี Bosch เครื่องอบผ้าระบบฮีตปั้ม 9 กก. รุ่น WQG24200TH คือคำตอบสุดท้ายสำหรับครอบครัวยุคใหม่ที่ใส่ใจทั้งเรื่องการประหยัดพลังงาน การถนอมเนื้อผ้า และสุขอนามัยอย่างแท้จริง โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Heat Pump ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดค่าไฟได้อย่างน่าทึ่ง พร้อมดีไซน์ Anti-vibration ที่ลดแรงสั่นสะเทือนและทำงานเงียบสนิท ทำให้คุณสามารถอบผ้าได้ทุกเวลาโดยไม่รบกวนบรรยากาศในบ้าน นี่ไม่ใช่แค่เครื่องอบผ้า แต่คือการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในระยะยาว
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- เทคโนโลยี Heat Pump: หัวใจหลักของความประหยัด ด้วยการใช้ลมร้อนหมุนเวียนในระบบปิด ทำให้ประหยัดพลังงานได้มากกว่าเครื่องอบผ้าทั่วไปถึง 50% และใช้อุณหภูมิต่ำกว่า ช่วยถนอมเนื้อผ้าที่คุณรักไม่ให้หดตัวหรือเสียหาย
- เทคโนโลยี AutoDry: หมดกังวลเรื่องผ้าแห้งเกินไปหรือยังชื้นอยู่ ด้วยเซนเซอร์อัจฉริยะที่วัดระดับความชื้นและอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ เครื่องจะหยุดทำงานทันทีเมื่อผ้าแห้งสนิทตามโปรแกรมที่เลือก ช่วยปกป้องเสื้อผ้าและประหยัดพลังงานไปพร้อมกัน
- SelfCleaning Condenser™: นวัตกรรมสุดล้ำที่ช่วยทำความสะอาดแผงควบแน่นด้วยตัวเองระหว่างการอบผ้า ช่วยขจัดปัญหาใยผ้าอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เครื่องทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น ทำให้เครื่องคงประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดไฟได้ตลอดอายุการใช้งาน
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกเป็นภูมิแพ้หรือมีผิวบอบบาง Bosch รุ่นนี้มาพร้อมโปรแกรม AllergyPlus ที่ผ่านการรับรองจาก ECARF (European Centre for Allergy Research Foundation) ว่าสามารถ ลดสารก่อภูมิแพ้ เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร หรือขนสัตว์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้อุณหภูมิการอบที่สูงขึ้นและคงที่เป็นพิเศษ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นจะสะอาด ถูกสุขอนามัย และปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัวอย่างแท้จริง
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
เครื่องอบผ้า Bosch รุ่น WQG24200TH เหมาะสำหรับ ครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ ที่ให้ความสำคัญกับ คุณภาพและประสิทธิภาพในระยะยาว ผู้ที่มองหา เครื่องอบผ้าประหยัดไฟ ที่สุดในตลาด และใส่ใจเรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้ รวมถึงผู้ที่ต้องการถนอมเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพงให้ดูดีเหมือนใหม่เสมอ แม้จะมีราคาสูง แต่หากมองถึงค่าไฟที่ประหยัดได้และความทนทาน ถือเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาดและคุ้มค่า
2. SAMSUNG เครื่องอบผ้า 9 กก. รุ่น DV90T6240LE/ST
หากคุณกำลังมองหาเครื่องอบผ้าที่ไม่ได้มีดีแค่ทำให้ผ้าแห้ง แต่ยังเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่คิดแทนคุณได้ SAMSUNG เครื่องอบผ้า 9 กก. รุ่น DV90T6240LE/ST คือนิยามของความสะดวกสบายและเทคโนโลยีแห่งอนาคต ด้วยดีไซน์เรียบหรูทันสมัยที่ยกระดับพื้นที่ซักล้างของคุณ พร้อมหน้าจอควบคุม AI Control ที่เรียนรู้และจดจำพฤติกรรมการใช้งานของคุณ ทำให้การอบผ้าที่เคยยุ่งยากกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ผสานกับฟังก์ชัน Hygiene Care+ ที่มอบความสะอาดอย่างล้ำลึก นี่คือเครื่องอบผ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- Wrinkle Prevent: บอกลาปัญหารอยยับบนเสื้อผ้า! ฟังก์ชันนี้จะสั่งให้ถังอบหมุนเป็นช่วงๆ โดยไม่ใช้ความร้อนหลังสิ้นสุดโปรแกรม ช่วยคลี่ผ้าและลดรอยยับที่เกิดจากการวางผ้าทิ้งไว้ในถังนานเกินไป ทำให้คุณรีดผ้าเรียบง่ายและเร็วขึ้น
- OptimalDry System: ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ 3 ตัว ที่ช่วยปรับเวลาการอบผ้าให้เหมาะสมอัตโนมัติ โดยการวัดความชื้นในเสื้อผ้าและอุณหภูมิของอากาศในถัง ทำให้ผ้าแห้งไวโดยใช้พลังงานน้อยที่สุด และยังช่วยถนอมเนื้อผ้าไม่ให้ถูกทำลายจากความร้อนที่สูงเกินไป
- Reversible Door: หมดปัญหาเรื่องข้อจำกัดของพื้นที่ติดตั้ง ด้วยบานประตูที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนให้เปิดจากด้านซ้ายหรือขวาได้ตามความสะดวก ให้คุณจัดวางเครื่องอบผ้าเข้ากับแปลนห้องได้อย่างลงตัว
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
มอบสุขอนามัยขั้นสูงสุดให้เสื้อผ้าของคุณด้วยโปรแกรม Hygiene Care+ ที่ใช้พลังความร้อนสูงในการอบผ้าเพื่อ กำจัดแบคทีเรีย, ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.9% ไม่ว่าจะเป็นไรฝุ่น, ละอองเกสร หรือขนสัตว์เลี้ยง ฟังก์ชันนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าเด็กอ่อน ตุ๊กตา หรือเสื้อผ้าของผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นสะอาดปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว
เทคโนโลยี AI
ความโดดเด่นที่สุดของรุ่นนี้คือแผงควบคุม AI Control ที่ชาญฉลาดและใช้งานง่ายสุดๆ
- เรียนรู้และจดจำ: ระบบ AI จะเรียนรู้และจดจำโปรแกรมการอบที่คุณใช้บ่อยที่สุด และจะแสดงผลขึ้นมาเป็นอันดับแรกเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
- จับคู่กับเครื่องซักผ้า: หากใช้คู่กับเครื่องซักผ้า Samsung ที่มีระบบ AI Control เหมือนกัน เครื่องจะสื่อสารถึงกันและแนะนำโปรแกรมอบที่เหมาะสมที่สุดกับโปรแกรมซักที่เพิ่งเสร็จไปโดยอัตโนมัติ
- SmartThings App: เชื่อมต่อและสั่งงานเครื่องอบผ้าผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings บนสมาร์ทโฟนได้จากทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่ม-หยุดการทำงาน, ตรวจสอบสถานะ หรือรับการแจ้งเตือนเมื่อผ้าอบเสร็จ
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
SAMSUNG DV90T6240LE/ST เหมาะสำหรับ ครอบครัวยุคใหม่และผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี (Tech Savvy) ที่มองหาความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้ชีวิต ผู้ที่ต้องการเครื่องอบผ้าที่ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมีฟังก์ชันอัจฉริยะช่วยคิดแทน รวมถึง บ้านที่ให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยเป็นพิเศษ เช่น บ้านที่มีเด็ก, ผู้สูงอายุ, หรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้ และผู้ที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าดีไซน์สวยที่เข้ากับการตกแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์น
3. Hisense DRYER Heat Pump 8 kg. รุ่น DH80N1
ใครว่าเทคโนโลยีถนอมผ้าและประหยัดไฟอย่าง Heat Pump จะต้องจ่ายแพงเสมอไป? Hisense DRYER Heat Pump รุ่น DH80N1 ขนาด 8 kg ได้ทลายกำแพงราคานั้นลงอย่างสิ้นเชิง ชูจุดเด่นในฐานะ เครื่องอบผ้า Heat Pump สุดคุ้ม ที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมการอบผ้าที่ดีที่สุดได้ง่ายขึ้น ด้วยดีไซน์สีเทาเข้มสุดพรีเมียมที่เข้ากับการตกแต่งบ้านทุกสไตล์ พร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้มากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องอบผ้าระบบปกติ และยังมอบการดูแลที่อ่อนโยนที่สุดให้กับเสื้อผ้าชุดโปรดของคุณ นี่คือตัวเลือกที่ชาญฉลาดที่สุดสำหรับคนที่มองหาความคุ้มค่าสูงสุดโดยไม่ประนีประนอมกับคุณภาพ
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- เทคโนโลยี Heat Pump: สัมผัสประสบการณ์การอบผ้าที่เหนือกว่าด้วยการใช้ความร้อนหมุนเวียนในระบบ ทำให้อบผ้าในอุณหภูมิที่ต่ำลง จึงช่วย ถนอมเนื้อผ้าได้อย่างดีเยี่ยม ลดปัญหาผ้าหดหรือเสียหาย และที่สำคัญคือเป็น เครื่องอบผ้าประหยัดไฟ อย่างเห็นได้ชัด ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- เซนเซอร์ตรวจจับความชื้น (Moisture Sensor): บอกลาการคาดเดาไปได้เลย เครื่องจะทำการวิเคราะห์ระดับความชื้นในเสื้อผ้าอย่างแม่นยำ และหยุดทำงานเองโดยอัตโนมัติเมื่อผ้าแห้งสนิทตามโปรแกรมที่เลือกไว้ ช่วยป้องกันไม่ให้ผ้าแห้งเกินความจำเป็นและประหยัดพลังงาน
- ฟังก์ชันลดรอยยับ (Anti-Crease): หลังสิ้นสุดโปรแกรมการอบ ถังซักจะยังคงหมุนเป็นจังหวะเบาๆ เพื่อช่วยคลี่ผ้าและป้องกันการเกิดรอยยับจากการที่เสื้อผ้ากองทับกัน ทำให้การรีดผ้าของคุณกลายเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
แม้จะเน้นเรื่องความคุ้มค่า แต่ Hisense DH80N1 ยังใส่ใจเรื่องสุขอนามัย ด้วยโปรแกรมการอบผ้าที่ใช้อุณหภูมิเหมาะสมและระยะเวลาที่นานพอจะช่วย ลดการสะสมของแบคทีเรียและสารก่อภูมิแพ้ บางชนิดที่อาจติดมากับเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ครอบครัวที่ต้องการความสะอาดและความปลอดภัยเป็นพิเศษสำหรับเสื้อผ้าที่สวมใส่ในชีวิตประจำวัน
เทคโนโลยี AI
ในรุ่นนี้จะเน้นไปที่ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ (Moisture Sensor) เป็นหลัก ซึ่งทำหน้าที่คล้ายระบบสมองกลในการควบคุมการทำงานให้แม่นยำ โดยจะคำนวณและปรับเวลาการอบให้เหมาะสมกับปริมาณความชื้นของเสื้อผ้าในถังโดยอัตโนมัติ แม้จะไม่มีระบบ AI ที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ แต่ก็ถือเป็นระบบอัตโนมัติที่ช่วยอำนวยความสะดวกและรับประกันผลลัพธ์การอบผ้าที่สมบูรณ์แบบได้เป็นอย่างดี
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
Hisense DH80N1 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ผู้ที่ต้องการใช้เครื่องอบผ้าระบบ Heat Pump เป็นครั้งแรก และมองหาความคุ้มค่าสูงสุด เหมาะกับ ครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง (1-3 คน) หรือผู้ที่พักอาศัยในคอนโดและอพาร์ตเมนต์ที่ต้องการเครื่องอบผ้าที่ไม่ต้องเจาะผนังและประหยัดพลังงาน รวมถึงผู้ที่ต้องการ ดูแลเสื้อผ้าเป็นพิเศษ แต่มีงบประมาณจำกัด ถือเป็น “ตัวเริ่มต้น” ที่ดีที่สุดในการเข้าสู่โลกของเครื่องอบผ้า Heat Pump
4. Electrolux เครื่องอบผ้า 9 กก. รุ่น EDS904H3WC
หากการรีดผ้าคือสิ่งที่คุณอยากจะลบออกจากตารางชีวิตมากที่สุด Electrolux เครื่องอบผ้า 9 กก. รุ่น EDS904H3WC คือผู้ช่วยคนสำคัญที่คุณตามหา! ชูโรงด้วยเทคโนโลยี Vapour Refresh ที่เปรียบเสมือนการส่งเสื้อผ้าของคุณไปเข้าสปา ด้วยพลังไอน้ำที่ช่วยคลายเส้นใยผ้าและ ลดรอยยับได้สูงสุดถึง 80% ทำให้เสื้อเชิ้ตหรือชุดเดรสของคุณเรียบสวยพร้อมใส่ได้ทันที หรือหากจำเป็นต้องรีด ก็จะรีดได้ง่ายและเร็วกว่าเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยความจุขนาดใหญ่ 9 กิโลกรัมที่รองรับผ้ากองโตของทุกคนในบ้านได้สบาย และเทคโนโลยี SensorDry ที่ช่วยให้ผ้าแห้งพอดีโดยไม่ทำร้ายเนื้อผ้า นี่คือเครื่องอบผ้าที่ออกแบบมาเพื่อคนยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และดูดีอยู่เสมอ
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- เทคโนโลยี Vapour Refresh: หัวใจสำคัญของรุ่นนี้ คือโปรแกรมอบไอน้ำสั้นๆ เพียง 15 นาที ที่ช่วยคืนความสดชื่นให้เสื้อผ้า ลดกลิ่นอับ และที่สำคัญคือช่วยคลายรอยยับบนเนื้อผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คุณประหยัดเวลาและแรงในการรีดผ้าไปได้มหาศาล
- เทคโนโลยี SensorDry: ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะที่คอยตรวจวัดระดับความชื้นในเสื้อผ้าตลอดการอบ และจะปรับเวลาการทำงานให้โดยอัตโนมัติ เครื่องจะหยุดทันทีเมื่อผ้าแห้งพอดี จึงช่วยป้องกันปัญหาผ้าแห้งเกินไปจนแข็งกระด้างหรือหดตัว และยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
- ระบบถังหมุนสลับทิศทาง (Reverse Tumbling): ลดปัญหาเสื้อผ้าพันกันเป็นก้อน ทำให้ผ้าทุกชิ้นเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ รับลมร้อนได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ผ้าแห้งไวและสม่ำเสมอ ลดรอยยับที่เกิดจากการขมวดปมของเสื้อผ้า
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
นอกจากการทำให้ผ้าเรียบสวยแล้ว รุ่นนี้ยังมาพร้อมโปรแกรม Hygienic Care ที่ใส่ใจต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว โดยโปรแกรมจะอบผ้าด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อช่วย กำจัดเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99.9% ไม่ว่าจะเป็นไรฝุ่น, ขนสัตว์เลี้ยง หรือละอองเกสร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
เทคโนโลยี AI
สำหรับ Electrolux รุ่นนี้ จะเน้นใช้ความอัจฉริยะผ่าน ระบบเซนเซอร์ (SensorDry) เป็นหลักในการควบคุมการทำงานให้สมบูรณ์แบบ แม้จะไม่มีระบบ AI ที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้ แต่ SensorDry ก็ทำหน้าที่เปรียบเสมือนสมองกลที่คอยวิเคราะห์และตัดสินใจแทนเรา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การอบผ้าที่แห้งพอดีและถนอมเนื้อผ้าได้ดีที่สุดในทุกๆ ครั้ง
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
Electrolux EDS904H3WC เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ คนทำงานและครอบครัวที่ไม่มีเวลาหรือไม่ชอบการรีดผ้า ผู้ที่ต้องการให้เสื้อผ้าเรียบสวยพร้อมใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับ บ้านที่มีเด็กนักเรียน ที่ต้องใส่ชุดยูนิฟอร์มทุกวัน รวมถึง ผู้ที่พักอาศัยในคอนโด เนื่องจากเป็นระบบควบแน่น (Condenser) ที่ไม่ต้องเจาะผนังเพื่อต่อท่อระบายอากาศ ทำให้ติดตั้งได้ง่ายในทุกพื้นที่
5. Electrolux เครื่องอบผ้า 9 กก. รุ่น EDS904N3SC
เบื่อไหมกับการรีดผ้ากองโตหลังซักเสร็จทุกครั้ง? Electrolux เครื่องอบผ้า รุ่น EDS904N3SC ขนาดความจุ 9 กก. จะเข้ามาปฏิวัติการดูแลเสื้อผ้าของคุณให้กลายเป็นเรื่องง่ายดาย ด้วยนวัตกรรมไฮไลท์อย่าง Vapour Refresh ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในการคืนความสดชื่นและลดรอยยับให้เสื้อผ้าได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือเครื่องอบผ้าที่ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำให้ผ้าแห้ง แต่เกิดมาเพื่อมอบความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และถนอมเสื้อผ้าชุดเก่งของคุณให้ดูดีอยู่เสมอ ภายใต้ชื่อเสียงและคุณภาพที่ไว้ใจได้จากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Electrolux
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- เทคโนโลยี Vapour Refresh: หัวใจสำคัญของรุ่นนี้ คือโปรแกรมการอบด้วยไอน้ำร้อน ที่ช่วยคลายเส้นใยผ้าและ ลดรอยยับได้ถึง 80-90% ทำให้คุณรีดผ้าเรียบง่ายขึ้นมาก หรือเสื้อผ้าบางชิ้นอาจไม่ต้องรีดซ้ำเลย นอกจากนี้ยังช่วยขจัดกลิ่นอับและคืนความสดชื่นให้เสื้อผ้าที่ใส่แล้วแต่ยังไม่ต้องการซักได้ในเวลาอันสั้น
- Smart Sensor: เทคโนโลยีเซนเซอร์อัจฉริยะที่ช่วยวัดระดับความชื้นของเสื้อผ้าได้อย่างแม่นยำ เครื่องจะปรับเวลาการอบให้เหมาะสมและหยุดทำงานเองเมื่อผ้าแห้งสนิท ป้องกันปัญหาผ้าแห้งเกินไปจนแข็งกระด้างหรือหดตัว เป็นสุดยอดฟังก์ชัน เครื่องอบผ้าถนอมผ้า และยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
- Reverse Tumbling: ถังอบจะหมุนสลับทิศทางซ้าย-ขวาตลอดการทำงาน ช่วยป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าพันกันเป็นก้อน ทำให้ผ้าคลี่ตัวรับลมร้อนได้อย่างทั่วถึง แห้งเร็วยิ่งขึ้น และลดการเกิดรอยยับได้อีกทาง
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
ปกป้องคนที่คุณรักด้วยโปรแกรม Hygiene Care ที่ออกแบบมาเพื่อสุขอนามัยโดยเฉพาะ โดยจะอบผ้าด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อ กำจัดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้สูงถึง 99.9% รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ที่มองไม่เห็นอย่างไรฝุ่นและขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
เทคโนโลยี AI
แม้จะไม่ได้มีระบบ AI ที่เรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้โดยตรง แต่รุ่นนี้ชดเชยด้วยระบบ “Smart Sensor” ที่ทำหน้าที่เป็นสมองกลอัจฉริยะในการควบคุมการทำงาน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลความชื้นจากเสื้อผ้าและปรับเปลี่ยนระยะเวลาการอบให้โดยอัตโนมัติ เพื่อผลลัพธ์การอบที่สมบูรณ์แบบและถนอมผ้าที่สุดในทุกๆ ครั้ง
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
Electrolux EDS904N3SC คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ คนที่ไม่ชอบรีดผ้า หรือต้องการประหยัดเวลาในการดูแลเสื้อผ้าเป็นที่สุด เหมาะกับ ครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ ด้วยความจุ 9 กก. ที่รองรับผ้าได้เยอะ รวมถึงบ้านที่ ใส่ใจเรื่องสุขอนามัยและความสะอาดของเสื้อผ้าเป็นพิเศษ และผู้ที่เชื่อมั่นในคุณภาพและประสิทธิภาพที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ Electrolux
6. Xiaomi Mijia Front Load Washer Dryer 10.5 กก.
ปฏิวัติการซักผ้าของคุณไปอีกขั้นกับ Xiaomi Mijia Front Load Washer Dryer เครื่องซักและอบผ้าอัจฉริยะที่รวมทุกฟังก์ชันที่คุณต้องการไว้ในเครื่องเดียว! ภายใต้ดีไซน์มินิมอลเรียบหรูตามแบบฉบับ Xiaomi รุ่นนี้คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับชีวิตในเมืองที่ทุกตารางนิ้วมีค่า ด้วยความสามารถแบบ ซักอบ 2in1 ทำให้คุณประหยัดพื้นที่ได้อย่างเหลือเชื่อ พร้อมความจุซักสะใจถึง 10.5 กก. และความจุอบ 7 กก. ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ Inverter Direct Drive ที่ทำงานเงียบสนิทและทนทาน มาพร้อมฟังก์ชันซักไอน้ำเพื่อสุขอนามัยขั้นสุด ทั้งหมดนี้ในราคาที่เข้าถึงง่ายจนน่าตกใจ ทำให้รุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งใน เครื่องซักอบผ้าที่คุ้มค่าที่สุด ในตลาดอย่างไม่ต้องสงสัย
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- ซักอบจบในเครื่องเดียว (2-in-1): ประหยัดพื้นที่และสะดวกสบายสูงสุด ไม่ต้องเสียเวลาย้ายผ้าจากเครื่องซักไปเครื่องอบอีกต่อไป เพียงใส่ผ้าเข้าไปแล้วเลือกโปรแกรมซักอบต่อเนื่อง เมื่อกลับมาอีกทีก็ได้เสื้อผ้าที่สะอาด แห้ง พร้อมใส่ทันที
- มอเตอร์ Inverter Direct Drive: ทำงานด้วยระบบมอเตอร์ต่อตรงทรงพลัง ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้คุณสามารถซักผ้าได้แม้ในเวลากลางคืนโดยไม่รบกวนใคร พร้อมรับประกันความทนทานใช้งานได้ยาวนาน
- ความจุซักขนาดใหญ่ 10.5 kg: รองรับการซักผ้าของทั้งครอบครัวได้อย่างสบายๆ สามารถซักผ้าชิ้นใหญ่อย่างผ้านวมหรือผ้าปูที่นอนได้อย่างไม่มีปัญหา
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
Xiaomi Mijia ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยอย่างยิ่ง ด้วย เทคโนโลยีซักไอน้ำ (Steam Wash) ที่ใช้ไอน้ำความร้อนสูงแทรกซึมเข้าไปในใยผ้า ช่วย ขจัดแบคทีเรียและไรฝุ่นได้ถึง 99.9% และยังช่วยคลายเส้นใยผ้า ทำให้ผ้าฟูนุ่ม ลดรอยยับ และกำจัดกลิ่นอับได้อย่างหมดจด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าเด็กอ่อน หรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
เทคโนโลยี AI
ความอัจฉริยะคือหัวใจของ Xiaomi รุ่นนี้เชื่อมต่อและควบคุมผ่าน แอปพลิเคชัน Mi Home ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- ควบคุมระยะไกล: สั่งงาน ตั้งเวลา และตรวจสอบสถานะการทำงานของเครื่องได้จากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน
- ดาวน์โหลดโปรแกรมเพิ่มเติม: สามารถดาวน์โหลดโปรแกรมการซักและการอบที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผ้าชนิดต่างๆ เพิ่มเติมได้ตลอดเวลา
- แจ้งเตือนอัจฉริยะ: รับการแจ้งเตือนเมื่อซักผ้าเสร็จสิ้น หรือเมื่อถึงเวลาต้องทำความสะอาดถังซัก ช่วยให้การดูแลรักษาเครื่องเป็นเรื่องง่าย
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
Xiaomi Mijia Washer Dryer คือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับ ผู้ที่พักอาศัยในคอนโด อพาร์ตเมนต์ หรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด ที่ต้องการโซลูชันการซักผ้าที่ครบวงจรในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับ คนรุ่นใหม่และผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี (Tech Savvy) โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใน Ecosystem ของ Xiaomi อยู่แล้ว รวมถึง ครอบครัวขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่มองหาเครื่องซักอบผ้าฟังก์ชันครบครันในราคาที่คุ้มค่าที่สุด
7. TCL WASH and DRY (ซัก 12Kg. อบ 8Kg.) รุ่น WT12EPWDW
จัดการเรื่องซักผ้ากองโตให้จบในเครื่องเดียว! TCL WASH and DRY รุ่น WT12EPWDW คือคำตอบสุดท้ายสำหรับครอบครัวใหญ่หรือบ้านที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดในการซักและอบผ้า ชูจุดเด่นด้วยความจุถังซักมหาศาลถึง 12 Kg. และอบได้ต่อเนื่องถึง 8 Kg. ทำให้การซักผ้าห่มนวมผืนใหญ่หรือเสื้อผ้าของทุกคนในบ้านพร้อมกันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ DD Inverter ที่ทั้ง ประหยัดไฟ ทำงานเงียบ และทนทาน หมดกังวลเรื่องเสียงดังรบกวนเวลาพักผ่อน นี่คือเครื่องซักอบผ้า 2-in-1 ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการงานผ้าที่หนักที่สุดให้กลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบาย
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- DD Inverter Motor: เทคโนโลยีมอเตอร์ต่อตรง (Direct Drive) ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้เครื่องทำงานเงียบและนิ่งสนิท พร้อมทั้งยังประหยัดพลังงานได้มากกว่ามอเตอร์แบบสายพานทั่วไป และรับประกันความทนทานยาวนาน
- ความจุซัก 12 Kg / อบ 8 Kg: ด้วยถังซักขนาดใหญ่พิเศษ ทำให้สามารถซักผ้าปริมาณมากได้ในครั้งเดียว หรือซักผ้าชิ้นใหญ่อย่างผ้านวมและผ้าม่านได้อย่างสะดวกสบาย ประหยัดทั้งเวลาและพลังงาน
- Air Refresh: ฟังก์ชันสุดล้ำที่ใช้ลมร้อนเป่าเพื่อขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, ลดรอยยับ และคืนความสดชื่นให้เสื้อผ้าที่ใส่ไปไม่นานหรือเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า โดยไม่ต้องซักด้วยน้ำ เหมาะสำหรับเสื้อสูทหรือเสื้อโค้ท
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
ปกป้องทุกคนในครอบครัวด้วยโปรแกรม ซักน้ำร้อนฆ่าเชื้อ (Heat Sterilization) ที่สามารถทำอุณหภูมิน้ำได้สูงถึง 95°C ซึ่งมีประสิทธิภาพในการ กำจัดแบคทีเรียและเชื้อโรคได้ถึง 99.99% ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดถูกสุขอนามัยอย่างแท้จริง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเสื้อผ้าเด็กอ่อน, ผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือเมื่อต้องการความมั่นใจในความสะอาดสูงสุด
เทคโนโลยี AI
สำหรับรุ่น WT12EPWDW จะเน้นไปที่ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์หลักอย่าง DD Inverter Motor และฟังก์ชันการใช้งานที่ทรงพลังมากกว่าการใช้ระบบ AI ที่ซับซ้อน ซึ่งถือเป็นข้อดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเรียบง่ายและต้องการเครื่องที่ทนทาน มีโปรแกรมการซักและการอบที่จำเป็นครบครันและให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องตั้งค่าให้ยุ่งยาก
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
TCL WT12EPWDW เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ครอบครัวขนาดใหญ่ (4-5 คนขึ้นไป), บ้านที่มีปริมาณการซักผ้าเยอะและบ่อยครั้ง หรือผู้ที่ต้องการ ซักผ้าชิ้นใหญ่ เช่น ผ้านวม, ผ้าปูที่นอน, ผ้าม่าน เป็นประจำเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายจากร้านซักรีด นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันอบผ้าแต่มี พื้นที่จำกัด ไม่สามารถวางเครื่องซักและเครื่องอบแยกกันได้
8. TCL DRYER 9Kg. รุ่น WT09KFDYW
หากคุณกำลังมองหาเครื่องอบผ้าที่ให้ ความจุเยอะ ฟังก์ชันครบ และที่สำคัญคือราคาที่คุ้มค่าที่สุด บอกเลยว่าต้องหยุดดูที่ TCL DRYER ขนาด 9Kg. รุ่น WT09KFDYW ตัวนี้! TCL ได้สร้างสรรค์เครื่องอบผ้าที่ตอบโจทย์ครอบครัวขนาดใหญ่และผู้ที่เริ่มต้นใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยความสามารถในการรองรับผ้านวมผืนใหญ่หรือเสื้อผ้ากองโตได้อย่างสบายๆ มาพร้อมฟังก์ชันจำเป็นที่ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอบผ้าแห้งไวทันใจ โปรแกรมลดรอยยับ หรือเซนเซอร์ตรวจจับความชื้นอัจฉริยะ ทั้งหมดนี้มาในราคาที่เข้าถึงง่ายจนน่าตกใจ ทำให้การมีเครื่องอบผ้าดีๆ สักเครื่องไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- ความจุขนาดใหญ่ 9 kg: เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ สามารถจัดการกับผ้าปริมาณมากได้ในรอบเดียว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ซักสะสมไว้ทั้งสัปดาห์หรือผ้าชิ้นใหญ่อย่างผ้านวมและผ้าปูที่นอน
- Sensor Dry Technology: เทคโนโลยีตรวจจับความชื้นอัจฉริยะที่จะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผ้าแห้งสนิทตามระดับที่ต้องการ ช่วยป้องกันปัญหาผ้าแห้งเกินไปจนหดหรือเสียหาย และยังช่วย ประหยัดพลังงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- โปรแกรมลดรอยยับ (Anti-Crease): หลังอบเสร็จ เครื่องจะยังคงหมุนถังเบาๆ เป็นระยะเพื่อช่วยคลี่ผ้า ป้องกันไม่ให้เสื้อผ้ากองทับกันจนเกิดรอยยับฝังลึก ทำให้คุณ รีดผ้าเรียบง่ายขึ้น ประหยัดทั้งแรงและเวลา
- โปรแกรมอบด่วน (Quick Dry): สำหรับวันที่เร่งรีบ สามารถอบผ้าจำนวนน้อยให้แห้งพร้อมใส่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพิ่มความคล่องตัวให้กับชีวิตประจำวัน
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
แม้จะเป็นรุ่นที่เน้นความคุ้มค่า แต่ก็ยังใส่ใจในสุขอนามัย ด้วยโปรแกรมการอบผ้าที่ใช้อุณหภูมิสูง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วย ลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับบนเสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าที่นำมาสวมใส่นั้นสะอาดและปลอดภัยต่อผิวหนังยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี AI
รุ่นนี้จะเน้นการทำงานแบบอัตโนมัติผ่านระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ (Sensor Dry) เป็นหลัก ซึ่งทำหน้าที่เปรียบเสมือนสมองกลที่คอยวัดระดับความชื้นและปรับเวลาการทำงานให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ แม้จะไม่ได้มีระบบ AI ที่ซับซ้อนในการเรียนรู้พฤติกรรม แต่ก็มอบความสะดวกสบายและผลลัพธ์การอบผ้าที่แม่นยำได้อย่างน่าเชื่อถือ
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
TCL WT09KFDYW คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีงบประมาณจำกัด หรือ ผู้ที่ต้องการซื้อเครื่องอบผ้าเป็นเครื่องแรก และมองหาเครื่องที่ให้ความจุเยอะ ฟังก์ชันพื้นฐานครบครัน และคุ้มค่าเงินที่สุด เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เน้นความ practical ไม่ต้องการฟังก์ชันเสริมที่ซับซ้อน แต่ต้องการเครื่องที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการจัดการกับผ้ากองโตในแต่ละวัน
9. TOSHIBA เครื่องอบผ้า 7 กก. รุ่น TD-H80SET
สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องอบผ้าที่เน้นความเรียบง่าย ใช้งานสะดวก และไว้วางใจได้ในคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น TOSHIBA เครื่องอบผ้า รุ่น TD-H80SET ขนาด 7 กิโลกรัม คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด ด้วยขนาดที่กะทัดรัดเหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด แต่ยังคงประสิทธิภาพการอบผ้าที่ยอดเยี่ยม ช่วยให้คุณบอกลาปัญหาผ้าอับชื้นในวันฝนตกไปได้เลย รุ่นนี้เปรียบเสมือนผู้ช่วยที่ไว้ใจได้ ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่มีฟังก์ชันซับซ้อนเกินจำเป็น เป็น เครื่องอบผ้าขนาดเล็ก ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสมบูรณ์แบบในราคาสบายกระเป๋า
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- ขนาดกะทัดรัด ความจุ 7 kg: เป็น เครื่องอบผ้าสำหรับคอนโด หรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัดได้อย่างลงตัว ด้วยความจุ 7 กก. ที่เพียงพอสำหรับคนโสด, คู่รัก หรือครอบครัวขนาดเล็ก (1-2 คน) สามารถอบเสื้อผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบาย
- ฟังก์ชันอบลดรอยยับ (Anti-Crease): ไม่ต้องเหนื่อยกับการรีดผ้าอีกต่อไป! หลังอบเสร็จ เครื่องจะทำการหมุนถังเป็นช่วงๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้ากองทับกันจนเกิดรอยยับฝังลึก ช่วยให้คุณหยิบเสื้อผ้าไปรีดต่อหรือสวมใส่ได้ง่ายขึ้น
- โปรแกรมอบด่วน (Quick Dry): สำหรับวันที่เร่งรีบ โปรแกรมนี้จะช่วยอบผ้าจำนวนน้อยชิ้นให้แห้งพร้อมใส่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพิ่มความคล่องตัวให้กับไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งของคุณ
- เทคโนโลยี SENSEDRY™: มาพร้อมเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิและความชื้น ที่จะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผ้าแห้งพอดี ช่วยป้องกันผ้าแห้งเกินไปจนอาจทำลายเนื้อผ้า และยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้น แต่ก็ยังใส่ใจในสุขอนามัย ด้วยโปรแกรมการอบผ้าที่ใช้ความร้อนสูง ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วย ลดการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าเสื้อผ้าที่อบจากเครื่องนี้จะแห้งสนิท สะอาด และปลอดภัยต่อการสวมใส่ยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี AI
TOSHIBA TD-H80SET เน้นการใช้งานที่ตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ จึงไม่ได้มาพร้อมกับระบบ AI ที่ซับซ้อน แต่ได้นำเทคโนโลยีเซนเซอร์อย่าง SENSEDRY™ เข้ามาใช้เพื่อควบคุมการทำงานให้มีความแม่นยำและเป็นอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้การอบผ้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าเองให้ยุ่งยาก
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
รุ่นนี้คือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ ผู้เริ่มต้นใช้งานเครื่องอบผ้า, นักศึกษา, คนที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือเป็นคู่ ในคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่จำกัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และให้ความสำคัญกับ ความทนทานและเชื่อถือได้ ของแบรนด์ญี่ปุ่น รวมถึงผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่ต้องการแก้ปัญหาผ้าไม่แห้งและกลิ่นอับอย่างมีประสิทธิภาพ
10. TCL MINI DRYER 4Kg. รุ่น WT04KFDYW
ทลายทุกข้อจำกัดของพื้นที่ด้วย TCL MINI DRYER รุ่น WT04KFDYW เครื่องอบผ้าขนาดเล็กความจุ 4 Kg ที่เกิดมาเพื่อตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองอย่างแท้จริง! หากคุณอาศัยอยู่ในคอนโด, อพาร์ตเมนต์, หรือหอพัก และเบื่อหน่ายกับปัญหาผ้าไม่แห้ง ไม่มีที่ตาก หรือกังวลเรื่องฝุ่น PM 2.5 นี่คือโซลูชันที่สมบูรณ์แบบที่สุด ด้วยดีไซน์กะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถวางบนโต๊ะ, บนเครื่องซักผ้า, หรือติดตั้งบนผนังก็ได้ (มีอุปกรณ์เสริม) ทำให้คุณเป็นเจ้าของเครื่องอบผ้าประสิทธิภาพสูงได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ นี่คือผู้ช่วยตัวจิ๋วแต่แจ๋วที่จะทำให้การดูแลเสื้อผ้าของคุณง่ายและสะดวกสบายขึ้นอีกระดับ
คุณสมบัติเด่นของรุ่นนี้
- ดีไซน์กะทัดรัด ติดตั้งง่าย (Compact & Portable): จุดเด่นที่สุดคือขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก ไม่ต้องเจาะผนังหรือต่อท่อระบายลมร้อนให้ยุ่งยาก เพียงแค่เสียบปลั๊กก็พร้อมใช้งานได้ทันที เหมาะกับทุกพื้นที่จำกัด
- อบผ้าที่อุณหภูมิ 60°C (60°C Hot Air Drying): ใช้อุณหภูมิคงที่ที่ 60 องศาเซลเซียสในการอบผ้า ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมในการช่วย ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและกำจัดไรฝุ่น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายเนื้อผ้าให้เสียหาย
- เซนเซอร์ตรวจจับความชื้น (Moisture Sensor): มีระบบเซนเซอร์อัจฉริยะคอยตรวจจับความชื้นในเสื้อผ้า และจะหยุดทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อผ้าแห้งสนิท ช่วยประหยัดพลังงานและป้องกันไม่ให้ผ้าแห้งจนเกินไป
- ถังอบหมุน 2 ทิศทาง (Forward & Reverse Tumble): ช่วยลดปัญหาผ้าพันกันเป็นก้อน ทำให้ผ้าแห้งอย่างทั่วถึงและช่วยคลี่ผ้าเพื่อ ลดรอยยับ ได้ดียิ่งขึ้น
ฟังก์ชันเด่นด้านฆ่าเชื้อ/ลดภูมิแพ้
หัวใจสำคัญของรุ่นนี้คือโปรแกรมการอบด้วยลมร้อนที่อุณหภูมิสูง 60°C ซึ่งไม่เพียงทำให้ผ้าแห้งไว แต่ยังทำหน้าที่เสมือนการฆ่าเชื้อโรคไปในตัว จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการ อบผ้าเด็ก, ชุดชั้นใน, ผ้าเช็ดหน้า หรือเสื้อผ้าของผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ช่วยเพิ่มความมั่นใจในความสะอาดและสุขอนามัยของเสื้อผ้าที่สัมผัสผิวโดยตรง
เทคโนโลยี AI
สำหรับเครื่องอบผ้าขนาดเล็กนี้จะไม่ได้มีเทคโนโลยี AI ที่ซับซ้อน แต่ได้นำระบบเซนเซอร์ตรวจจับความชื้นเข้ามาใช้ ซึ่งถือเป็นระบบอัตโนมัติอัจฉริยะที่ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเครื่องจะคำนวณระยะเวลาที่เหมาะสมในการอบผ้าจากปริมาณความชื้นจริง ทำให้มั่นใจได้ว่าผ้าจะแห้งพอดีและไม่เปลืองพลังงาน
รุ่นนี้เหมาะกับใคร
TCL MINI DRYER เป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับ นักศึกษาหรือคนวัยทำงานที่อาศัยในหอพักและคอนโดมิเนียม ที่มีพื้นที่จำกัด, ครอบครัวขนาดเล็ก (1-2 คน) ที่มีปริมาณการซักผ้าไม่เยอะ, หรือ บ้านที่ต้องการเครื่องอบผ้าตัวที่สอง สำหรับแยกอบเสื้อผ้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น เสื้อผ้าเด็กอ่อน, ผ้าอ้อม, หรือชุดชั้นในโดยเฉพาะ ด้วยความคล่องตัวและประสิทธิภาพที่ครบครัน
แน่นอนค่ะ จัดให้เลยสำหรับตารางเปรียบเทียบเครื่องอบผ้าทั้ง 10 รุ่น เพื่อให้เห็นภาพรวมและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ตารางเปรียบเทียบเครื่องอบผ้า 10 รุ่นเด่น ปี 2025
ลำดับ | รุ่น | ประเภท | ความจุ | ฟังก์ชันเด่น (ฆ่าเชื้อ/ภูมิแพ้/AI) | ราคาโดยประมาณ* |
1 | Bosch WQG24200TH | Heat Pump | 9 kg | AllergyPlus (ลดสารก่อภูมิแพ้) | ฿45,400 |
2 | SAMSUNG DV90T6240LE/ST | Heat Pump | 9 kg | Hygiene Care+ (ฆ่าเชื้อ) AI Control | ฿25,490 |
3 | Hisense DH80N1 | Heat Pump | 8 kg | โปรแกรมความร้อนสูง (ลดเชื้อโรค) | ฿16,090 |
4 | Electrolux EDS904H3WC | Condenser | 9 kg | Vapour Refresh (ลดเชื้อโรค/ภูมิแพ้) | ฿14,890 |
5 | Electrolux EDS904N3SC | Condenser | 9 kg | Vapour Refresh (ลดเชื้อโรค/ภูมิแพ้) | ฿16,490 |
6 | Xiaomi Mijia Washer Dryer | เครื่องซักอบ | ซัก 10.5 kg | Steam Wash (ฆ่าเชื้อ) | ฿10,959 |
7 | TCL WT12EPWDW | เครื่องซักอบ | ซัก 12 kg อบ 8 kg | โปรแกรมอบลมร้อน (ฆ่าเชื้อ) | ฿11,590 |
8 | TCL WT09KFDYW | Condenser | 9 kg | ฆ่าเชื้อด้วยลมร้อน | ฿10,090 |
9 | TOSHIBA TD-H80SET | Condenser | 7 kg | ฆ่าเชื้อด้วยลมร้อน | ฿8,490 |
10 | TCL MINI DRYER WT04KFDYW | Condenser | 4 kg | 60°C Hot Air (ฆ่าเชื้อ/ไรฝุ่น) | ฿7,990 |
*หมายเหตุ: ราคาโดยประมาณอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ณ วันที่ 23 กันยายน 2568 แนะนำให้ตรวจสอบราคาล่าสุดอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
คำถามที่ว่า เครื่องอบผ้ากินไฟ หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับ “ประเภท” ของเครื่องอบผ้าที่คุณเลือก โดยเครื่องอบผ้าระบบ Heat Pump จะประหยัดพลังงานมากที่สุด รองลงมาคือระบบ Condenser และ Vented ตามลำดับ หากใช้งานเครื่องอบผ้าระบบ Heat Pump สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาจมีค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณเดือนละ 150-300 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ และค่าใช้จ่ายในการส่งผ้าไปซักอบรีดตามร้าน ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากในระยะยาว
ปัญหา ผ้าหด เป็นสิ่งที่หลายคนกังวล แต่เครื่องอบผ้ารุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบันได้ถูกพัฒนามาเพื่อแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ โดยมาพร้อมเทคโนโลยีเซนเซอร์วัดความชื้นที่จะหยุดทำงานทันทีเมื่อผ้าแห้ง และมีโปรแกรมถนอมผ้าที่ใช้อุณหภูมิต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องอบผ้าระบบ Heat Pump ซึ่งใช้อุณหภูมิต่ำที่สุดในการอบ จะช่วยลดความเสี่ยงที่ผ้าจะหดตัวหรือเสียทรงได้มากที่สุด สิ่งสำคัญคือควรตรวจสอบป้ายสัญลักษณ์การดูแลเสื้อผ้า (Care Label) และเลือกโปรแกรมการอบให้เหมาะสมกับชนิดของผ้านั้นๆ
วิธีดูแลเครื่องอบผ้า นั้นไม่ซับซ้อน แต่ควรทำเป็นประจำเพื่อยืดอายุการใช้งานและคงประสิทธิภาพของเครื่องไว้ ดังนี้
ทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่น (Lint Filter): ควรนำแผ่นกรองใยผ้าออกมาทำความสะอาด “ทุกครั้ง” หลังใช้งานเสร็จ เพื่อให้ลมร้อนไหลเวียนได้ดีและป้องกันการเกิดอัคคีภัย
เทน้ำออกจากภาชนะเก็บน้ำ: สำหรับเครื่องอบผ้ารุ่น Condenser และ Heat Pump จะมีกล่องสำหรับเก็บน้ำที่ควบแน่นจากเสื้อผ้า ควรนำไปเททิ้งทุกครั้งหลังอบผ้าเสร็จ
การติดตั้งเครื่องอบผ้า ขึ้นอยู่กับประเภทที่คุณเลือก
รุ่น Condenser และ Heat Pump: ติดตั้งง่ายมาก เพียงหาตำแหน่งวางที่เหมาะสมซึ่งมีการระบายอากาศเล็กน้อย แล้วเสียบปลั๊กก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องเจาะผนังหรือต่อท่อใดๆ
รุ่น Vented: จำเป็นต้องมีการติดตั้งท่อเพื่อระบายอากาศร้อนชื้นออกไปนอกตัวอาคาร ซึ่งอาจต้องมีการเจาะผนัง ทำให้มีข้อจำกัดในการหาตำแหน่งติดตั้งมากกว่า
H2: สรุปและตารางเปรียบเทียบ 10 รุ่นยอดนิยม
การเลือกซื้อเครื่องอบผ้าที่เหมาะสมไม่ได้เป็นเพียงการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหนึ่งชิ้นเข้าบ้าน แต่คือการลงทุนเพื่อ ยกระดับคุณภาพชีวิต ของคุณและครอบครัวในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาผ้าอับชื้นในช่วงหน้าฝน, การปกป้องเสื้อผ้าจากฝุ่น PM 2.5, การมอบ ความสะดวกสบาย ให้คุณมีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นที่สำคัญกว่า, หรือการดูแล สุขภาพ ของคนที่คุณรักด้วยฟังก์ชันฆ่าเชื้อโรคและลดสารก่อภูมิแพ้ ไปจนถึง การถนอมเสื้อผ้าตัวโปรด ให้สวยงามยาวนานด้วยเทคโนโลยีที่อ่อนโยนที่สุด
จากทั้ง 10 รุ่นที่เราได้รีวิวไป จะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่รุ่น Heat Pump ที่เน้นประสิทธิภาพสูงสุดและความประหยัดในระยะยาว, รุ่น AI ที่มอบความสะดวกสบายอัจฉริยะ, ไปจนถึงรุ่นขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้อย่างลงตัว หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเครื่องอบผ้าที่ “ใช่” ที่สุดสำหรับบ้านของคุณได้ง่ายขึ้น